คนพิการ

"จะช่วยอะไรได้บ้าง" จังหวัดปัตตานี

เหตุเกิดเมื่อดิฉันลงพื้นที่หมู่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลปะนาเระ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี (กลุ่มประมงพื้นบ้าน) เมื่อ ปลาย ปี 2565 เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะด้วยแนวคิดเศรษฐกิจฐานรากในกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ

"จะช่วยอะไรได้บ้าง" จังหวัดปัตตานี

เหตุเกิดเมื่อดิฉันลงพื้นที่หมู่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลปะนาเระ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี (กลุ่มประมงพื้นบ้าน) เมื่อ ปลาย ปี 2565 เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะด้วยแนวคิดเศรษฐกิจฐานรากในกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ

โควิด 19 พื้นที่ตำบลปะนาเระมีอาชีพการทำประมงเป็นหลัก อาชีพรองคือมีอาชีพรับจ้างทั่วไปและค้าขาย ปัจจุบันสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง เกิดมรสุมบ่อยครั้ง ชาวประมงจึงไม่สามารถออกทะเลได้ทำให้มีรายได้ที่ลดลง รายจ่ายเพิ่มขึ้น และมีหนี้สิน 

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออาชีพรองคืออาชีพรับจ้างทั่วไปและค้าขาย ทำให้คนในชุมชนขาดรายได้อย่างต่อเนื่อง มีการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ไม่มีเงินเก็บ ต้นทุนทางการค้าขายที่สูงขึ้น ทำให้เกิดภาวะเครียดส่งผลเสียต่อสุขภาพ แรงงานจากมาเลเซียเดินกลับบ้าน พี่น้องจากต่างจังหวัดเดินทางกลับบ้านด้วยการถูกเลิกจ้างงาน ดิฉันลงพื้นที่หลังจากสนับสนุนกลุ่มอาชีพแม่ประมงแปรรูปอาหารทะเล เพื่อเยี่ยมสมาชิกกลุ่ม มีโอกาสเจอน้องนี เข้าใจว่ายังเป็นเด็กน้องเพราะร่างกายผอม เล็กแต่แกร่ง น้องนีเล่าให้ฟังชีวิตความเป็นอยู่หลังจากกลับจากมาเลเซีย พร้อมกับชีวิตที่ไม่สมบูรณ์เหมือนครอบครัวอื่นด้วยสามีไม่ยอมกลับมาด้วย ทิ้งภาระทุกอย่างให้เธอดูแลเห็นสภาพบ้านเช่าเดือนละ1,500 บาท กับภาระหน้าที่ ที่ต้องดูแลลูก พ่อที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ดิฉันถามน้องว่าอยากกลับไปทำงานมาเลเซียไหม น้องตอบว่าไม่กลับเพราะมีหน้าที่ในการดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงเดินไม่ได้ ต้องหาเงินเป็นค่าเดินทางพาพ่อไปโรงพยาบาล ภาระในบ้านทุกอย่างคือหน้าที่ของน้อง ในใจดิฉันคิดอยู่เสมอว่า “จะช่วยอะไรได้บ้าง” ถามทุกครั้งเมื่อลงพื้นที่หมู่บ้านประมงภาพสาวน้อยร่างผอมๆแต่หัวใจแกร่งติดตาม ติดตา ติดใจอยู่เสมอ

เมื่อมีโอกาสลงพื้นที่เก็บข้อมูลกลุ่มเปราะบางภายใต้งานศูนย์ประสานงานภาคีพัฒนาจังหวัดปัตตานี ใจคิดตั้งแต่ ดร.วณื  ปิ่นประทีป บอกกล่าวมีโครงการลงเก็บข้อมูลกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดปัตตานี  โอกาสมาถึง

1 ใน 100 คือพ่อของน้องนี  ลงพื้นที่พูดคุย คราวนี้นีเล่าประวัติชีวิต ชื่อนางสาวอภิรีนี อายุ 36 ปี เดิมอยู่มาเลเซียเป็นลูกจ้างร้านอาหารไทยในมาเลเซีย  ปัจจุบันทำงานรับจ้างทั่วไปที่มีในชุมชน รับจ้างเลี้ยงเด็ก รับจ้างขายของ ทำทุกอย่างที่ได้เงินมาด้วยน้ำพัก น้ำแรงตัวเอง  นอกจากทำงานหาเงินเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัว 6 ชีวิต น้องเองมีหน้าที่ดูแลพ่อซึ่งป่วยติดเตียง ด้วยโรคสมองตีบ อัมพฤต ตั้งแต่ เดือน ก.ค ปี 64 อาศัยอยู่บ้านเช่า   นีเป็นพี่คนโตเลยรับหน้าที่ดูแลพ่อเป็นหลัก   ซึ่งพ่อกับคุณแม่แยกทางกันอยู่คนละบ้านทำให้ลูกๆทั้ง 5 คนต้องแบ่งการดูแลทั้งคุณพ่อคุณแม่ ด้วยอาชีพทั่วไปรับจ้างทั่วไปรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ซื้อข้าววันละ 2 กิโล เมื่อได้ค่าแรงที่ไม่แน่นอน บางวัน100 บาท บ้างวัน 200 บาท ต้องทำเพราะ5ชีวิต คือหน้าที่ที่ต้องดูแล เล่าไปพร้อมน้ำตา ดิฉันเข้าไปกอด จับมือ และบอกว่าชีวิตเราเลือกเกิดไม่ได้ 

แต่เลือกที่จะทำความดีได้ ดูแลพ่อ แม่ คือหน้าที่ของลูกทุกคน นีอยากให้พ่อหายช่วยเหลือตัวเองได้ นีจะได้หางานทำที่ไกลบ้านได้มีค่าแรงที่แน่นอน   2 ปี กับการทำหน้าที่ลูกที่ไม่เคยท้อ พยายามฝึกกล้ามเนื้อขา แขนเพื่อพ่อจะได้ตักข้าวกินเองได้  ทุกครั้งที่จะพูดจะดูแลพ่อจนถึงที่สุด จะดูให้พ่อมีความสุขเท่าที่ตัวเองจะดูแลพ่อได้และดูแลจนหมดลมหายใจ

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor