“หญิงแกร่งคนหนึ่ง” จังหวัดยะลา
มุสลิมไทย (ผู้หญิงหม้าย/เด็กกำพร้า)

“หญิงแกร่งคนหนึ่ง” จังหวัดยะลา

นางสาวกามีล๊ะ หญิงสาว แม่เลี้ยงเดี่ยวที่นับว่าเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งที่สามารถ นำพาตนเองและลูกก้าวผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตมาได้

“หญิงแกร่งคนหนึ่ง” จังหวัดยะลา

นางสาวกามีล๊ะ (นามสมมุติ) หญิงสาววัย.....ปี แม่เลี้ยงเดี่ยวที่นับว่าเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งที่สามารถ นำพาตนเองและลูกก้าวผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตมาได้ เธอกล่าวว่าตนเองเป็นชาวบ้านในพื้นที่บ้านบันนังกูแว ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ซึ่งได้แต่งงานกับสามีชาวพื้นที่ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งหลังจากแต่งงานกันสามีได้ย้ายจากที่อยู่อาศัยบ้านตนเอง มาอยู่กับตนที่บันนังกูแว ในขณะนั้นตนเองมีอาชีพเป็นเสมียนของโรงงานไม้ยางแห่งหนึ่งในพื้นที่ ในส่วนของสามีมีอาชีพกรีดยางและทำสวน  

เมื่ออยู่กินได้ครบ 1 ปี ใน ปี พ.ศ. 2549 ได้ให้กำเนิดบุตรสาวคนแรกของครอบครัว ต่อมาในปีได้เกิดเหตุการณ์ ที่ไม่คาดฝันและสร้างความเสียใจให้กับครอบครัว เมื่อสามีของเธอได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมตัวและพาสามีเธอไปโดยที่ไม่กลับมาอีกเลย โดยเธอเล่าให้ฟังว่า ในขณะที่กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าบ้าน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เดินเข้ามาสอบถามกับสามีว่าใช่นาย A (นามสมมุติ) หรือไม่ 

ทางสามีได้พยักหน้าตอบกลับไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ว่าเป็นเขาเอง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ควบคุมตัวสามีขึ้นรถไป โดยไม่มีการชี้แจงที่มาหรือมีเอกสารเพื่อ   แจ้งสาเหตุของการควบคุมตัวในครั้งนี้ แต่พูดแค่ว่าต้องควบคุมตัวสามีของเธอไปยังสถานีตำรวจ โดยที่ไม่แจ้งรายละเอียดให้ทราบว่าเป็นสถานีตำรวจแห่งไหน สามีของตนเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะคงคิดว่า ไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติและก็ไม่มีความรู้ในด้านกฏหมาย ซึ่งในขณะที่สามีกำลังถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอยู่นั้น ชาวบ้านที่อยู่ในร้านน้ำชาในหมู่บ้านส่วนหนึ่งได้มีการบอกกล่าวกับสามีเธอว่าไม่ให้ไปกับทางเจ้าหน้าที่  เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น 

แต่ท้ายที่สุดสามีของเธอก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวขึ้นรถไปอยู่ดี  หลังจากเห็นการเงียบไปของสามีได้สักพัก ทางครอบครัวและญาติได้ไปตามหายังสถานีตำรวจในพื้นที่ ซึ่งเมื่อไปถึงได้รับการแจ้งกลับมาว่า ไม่มีการควบคุมตัวสามีของตน ทำให้ครอบครัวเริ่มหวั่นใจ เมื่อครบกำหนด 24 ชั่วโมง สามียังไม่กลับบ้านจึงได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ และเริ่มตามหาสามีไปยังสถานที่ต่างๆของ หน่วยงานความมั่นคง แต่ไม่ว่าจะไปที่หน่วยไหนก็ไม่มีพบเบาะแสหรือพบเห็นสามีของตนเองจนถึงปัจจุบัน ทำให้ตนเองและครอบครัวหมดทนทางและกำลังใจในการตามหาตัวสามีที่ไปหายไป

หลังจากการหายตัวไปของสามี ผ่านไป 5 ปี ตนเองได้แต่งงานกับสามีคนใหม่ ซึ่งเป็นชาวบ้าน ในพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และได้ย้ายไปอยู่ที่นั้นพร้อมกับบุตรสาวที่เกิดจากสามีคนแรก  ซึ่งในขณะนั้นตนเองประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่งในพื้นที่  ในส่วนของสามีนั้นมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และให้กำเนิดบุตรคนที่ 2 และคนที่ 3 ตามมา 

หลังจากอยู่ได้ไม่เกิน 4 ปี สามีได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การถูกลอบยิง โดยไม่ทราบสาเหตุและไม่สมารถจับตัวผู้ร้ายได้จนถึงปัจจุบันนี้ ทำให้ตนเองต้องกลับลายมาเป็นหญิงหม้ายอีกครั้ง พร้อมบุตรที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า จากเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากการเสียชีวิตของสามี ตนเองและบุตรตัดสินใจกลับมาอยู่ที่บ้านของตนเองในพื้นที่ตำบลบันนังสตา ซึ่งในตอนที่กลับมาอยู่บ้านนั้นตนเองลำบากมาก เนื่องจากไม่มีงานทำ ต้องอาศัยบิดามารดาที่คอยให้การช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ทั้งค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และการศึกษาของบุตร 

จนวันหนึ่งตนเองได้มีโอกาสพบกับอิหม่าม (ผู้นำศาสนา) ประจำหมู่บ้าน ซึ่งได้แนะนำงานให้ตน โดยได้รับความเมตตาจากประธานองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดยะลา รับเข้าไปทำงานในองค์กร ซึ่งเป็นองค์กร   ที่ขับเคลื่อนงานด้านสังคม ด้วยพื้นฐานตนเองเป็นคนที่ชอบงานในด้านจิตอาสาอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว  การเข้ามาทำงานในองค์กรนี้  ทำให้ตนเองได้รับบทบาทในการช่วยเหลือสังคม ไม่ว่าจะเป็นการเป็นวิทยากร  ในการให้ความรู้ด้านการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การเป็นส่วนหนึ่งการของช่วยเหลือสตรี ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

การดูแลกลุ่มผู้เปราะบาง ซึ่งการทำงานในบทบาทนี้ทำให้ตนเองสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิต และร่วมเป็นกลไกคณะทำงานในการช่วยเหลือคนอื่นๆในสังคมต่อไป ซึ่งนอกการบทบาทของการทำงานช่วยเหลือสังคมแล้ว บทบาทที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือ การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเลี้ยงดูบุตรด้วยตัวคนเดียวทั้ง 3 คน ซึ่งปัจจุบันคนเล็กและคนรองกำลังศึกษาอยู่ประถมศึกษาชั้นปี 4 และปีที่ 6 คนโตกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5  กำลังจะเข้าสู่รั้วมหาลัยในไม่ช้านี้ด้วยความใฝ่ฝันว่าอยากมีอาชีพรับราชการครู ซึ่งตนเองมองว่ารายได้ไม่เพียงพอที่ต่อสานความฝันของลูกให้ประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า หากลูกได้รับทุนการศึกษาก็คงสามรถสานฝันให้กับเขาได้ แต่ตนในฐานะแม่ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับบุตร และอยากให้มีหน่วยงานเข้ามานสนับสนุนในส่วนนี้เพื่อให้เขาทำตามความฝันของเขาให้สำเร็จ  



 

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor